สำหรับในเมืองไทยนั้น มีนกนางแอ่นสามชนิดด้วยกัน คือ นกแอ่นกินรัง นกแอ่นกินรังตะโพกขาว และนกแอ่นหางสี่เหลี่ยมหรือ นกแอ่นรังดำ นกนางแอ่นสองชนิดแรกนั้น จะให้รังนกสีขาว ส่วนชนิดหลัง จะให้รังสีดำ โดยที่รังจะมีขนนกเป็นส่วนผสมด้วย แต่ทั้งสามชนิดนั้นสามารถใช้รับประทานได้
ซึ่ง นกแอ่นกินรัง (Edible-Nest Swiftlet) ปัจจุบันนี้จัดอยู่ในสกุล Aerodramus จึงมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Aerodramus fuciphagus เดิมใช้ชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Collocalia fuciphaga โดยรังนกชนิดนี้จะถูกสร้างจากน้ำลาย ซึ่งผลิตมาจากต่อมน้ำลายของพ่อแม่นกก่อนการผสมพันธุ์และใช้เป็นที่วางไข่ อีกทั้งยังใช้เป็นที่อยู่ของลูกนกก่อนที่จะเริ่มหัดบินได้ ส่วนประกอบของรังนก ประมาณ 85-97% เป็นน้ำลาย และ 3-15% เป็นขนอ่อน
รังนกมีทั้งหมด 4 ประเภท [1] ได้แก่
- รังนกแดงหรือรังนกเลือด มีสีแดงที่เกิดจากเลือดของนกที่ปนออกมาจากน้ำลายนกในขณะที่คายน้ำลายออก มา(บางแหล่งบอกว่าเกิดขึ้นจากแร่ธาตุตามธรรมชาติ) ซึ่งคนจีนนิยมกันมาก
- รังนกดำ คือ รังนกปลายฤดูเก็บมีสีดำเพราะสีจากขนของลูกนก
- รังนกบ้าน คือ รังนกที่อาศัยอยู่ในคอนโดที่มนุษย์สร้างขึ้น
- รังนกไหมทองคำ มีราคาค่อนข้างสูง
[แก้] คุณค่าทางโภชนาการ
ผลวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยโภชนาการมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าในรังนก 1 ขวด มีปริมาณโปรตีนอยู่ ไม่ถึงครึ่งของครึ่งกรัม ในขณะที่ไข่ไก่ธรรมดา 1 ฟอง มีโปรตีนถึง 6.5 กรัม และนมวัวหนึ่งกล่องมีโปรตีนถึง 8.5 กรัม อาจะพูดได้ว่าการกินรังนกขวดเล็กหนึ่งขวด เทียบได้กับการกินน้ำนมวัว 1/64 กล่อง หรือประมาณไม่ถึงครึ่งช้อนเท่านั้นเอง [ต้องการอ้างอิง]มีการกล่าวอ้างสรรพคุณกันมากมาย เช่น บำรุงปอด เพิ่มโลหิต บำรุงพลังทางเพศ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน บำรุงไตและม้าม แก้อ่อนเพลีย แก้ร้อนใน แก้ภูมิแพ้ ฯลฯ นอกจากนี้ตามหลักฐานอ้างอิง เชื่อว่าชาวจีนนิยมทานรังนกมานานกว่า 1,000 ปี โดยเข้าใจกันว่ามีสรรพคุณด้านการบำรุงรักษาโรคด้านระบบทางเดินหายใจ เช่น วัณโรค และโรคปอด ช่วยบรรเทาคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ [ต้องการอ้างอิง]
รังนก (ตัวเต็ม: 燕窩, ตัวย่อ: 燕窩, พินอิน: Yànwō เยี่ยนวอ, ฮกเกี้ยน: iàn-o(เอี่ยนเออร์)) ทำมาจากน้ำลายของนกนางแอ่น ซึ่งสำรอกออกมาแล้วจับตัวแข็งมีรูปร่างคล้ายกับรังนก น้ำลายของนกนางแอ่นที่สำรอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น