กรุงเทพมหานครเป็นเขตปกครองพิเศษของประเทศไทย โดยมิได้มีสถานะเป็นจังหวัด ซึ่งคำว่า กรุงเทพมหานคร นั้น ยังใช้เป็นคำเรียกสำนักงานปกครองส่วนท้องถิ่นของกรุงเทพมหานครอีกด้วย ปัจจุบันกรุงเทพมหานครใช้วิธีการเลือกตั้งผู้บริหารแบบการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นโดยตรง
อิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นของไทยในการเมืองโลก วัฒนธรรม แฟชั่นและการบันเทิงทำให้กรุงเทพมหานครได้รับสถานะเป็นนครโลกระดับอัลฟา[3] กรุงเทพมหานครมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น พระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งวิมานเมฆและ วัดต่าง ๆ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศประมาณ 10 ล้านคนในแต่ละปี นับเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศมากที่สุดรองแต่เพียงกรุงลอนดอน เท่านั้น[4]
ในสมัยอาณาจักรอยุธยา บางกอก (กรุงเทพมหานคร) เป็นสถานีการค้าขนาดเล็ก ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อมา สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงย้ายเมืองหลวงมาตั้งอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ชื่อว่ากรุงธนบุรี และในปี พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงย้ายเมืองหลวงมายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ ได้ชื่อว่า กรุงรัตนโกสินทร์
[แก้] ชื่อเมือง
คำว่า กรุงเทพมหานคร แปลว่า "พระนครอันกว้างใหญ่ ดุจเทพนคร" มาจากชื่อเต็มว่า กรุงเทพ มหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์[5] มีความหมายว่า พระ นครอันกว้างใหญ่ ดุจเทพนคร เป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต เป็นมหานครที่ไม่มีใครรบชนะได้ มีความงามอันมั่นคง และเจริญยิ่ง เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้วเก้าประการ น่ารื่นรมย์ยิ่ง มีพระราชนิเวศใหญ่โตมากมาย เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา ซึ่งท้าวสักกเทวราชพระราชทานให้ พระวิษณุกรรมลงมาเนรมิตไว้[6]โดยนามเดิมที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ พระราชทานในตอนแรกนั้น ใช้ชื่อว่า “กรุงรัตนโกสินทร์อินท์อโยธยา” ต่อมาในในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแก้นามพระนครเป็น “กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินท์ มหินทอยุธยา” จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง เปลี่ยนคำว่า บวร เป็น อมร เปลี่ยนคำว่า มหินทอยุธยา โดยวิธีการสนธิศัพท์เป็น มหินทรายุธยา และเติมสร้อยนามต่อ ทั้งเปลี่ยนการสะกดคำ สินท์ เป็น สินทร์ จนเป็นที่มาของชื่อเต็มของกรุงรัตนโกสินทร์ (กรุงเทพฯ) ข้างต้น[6]
ชื่อทางการของกรุงเทพมหานครเมื่อถอดเป็นอักษรโรมัน คือ Krung Thep Maha Nakhon แต่คนทั่วไปนิยมทับศัพท์ตามชื่อที่ผู้พูดภาษาอังกฤษเรียกเมืองนี้ว่า Bangkok ซึ่งมาจากชื่อเดิมของกรุงเทพมหานคร คือ บางกอก
ชื่อเต็มของกรุงเทพมหานคร เมื่อถอดเป็นอักษรโรมัน คือ Krungthepmahanakhon Amonrattanakosin Mahintharayutthaya Mahadilokphop Noppharatratchathaniburirom Udomratchaniwetmahasathan Amonphimanawatansathit Sakkathattiyawitsanukamprasit[5] ซึ่งเป็นชื่อสถานที่ที่ยาวที่สุดในโลกและได้จดบันทึกไว้ในกินเนสบุ๊ค[7] (169 ตัวอักษร) ยาวกว่าชื่อภูเขา "ตาอูมาตาวากาตังกีฮังกาโกอาอูอาอูโอตามาทีอาโปกาอีเวนูอากีตานาตาฮู" ("Taumatawhakatangihangakoauauotamateaturipukakapikimaungahoronukupokaiwhenuakitanatahu") (85 ตัวอักษร) ในนิวซีแลนด์ และชื่อทะเลสาบ "ชาร์ก็อกกาก็อกมานชาอ็อกกาก็อกเชาบูนากุนกามาอัก" ("Chargoggagoggmanchauggagoggchaubunagungamaugg") (45 ตัวอักษร) ในรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา
[แก้] ประวัติ
พื้นที่บริเวณกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน เดิมเป็นที่ตั้งของเมืองธนบุรีศรีสมุทร ชาวต่างชาติเรียกกันว่า "บางกอก" มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา[8] มีความสำคัญเนื่องจากเป็นเส้นทางออกสู่ทะเลและติดต่อค้าขายกับอาณาจักรต่าง ๆ เป็นเมืองหน้าด่านขนอน คอยดูแลเก็บภาษีกับเรือสินค้าทุกลำที่ผ่านเข้าออก ส่วนบริเวณปากน้ำตรงอ่าวไทย เรียกกันว่า "นิวอัมสเตอร์ดัม" มีชุมชนใหญ่และโกดังของชาวต่างประเทศไว้สำหรับพักสินค้า ปัจจุบันคือพื้นที่บริเวณอำเภอพระประแดง[8]ที่มาของคำว่า "บางกอก" นั้น มีข้อสันนิษฐานว่าอาจมาจากการที่แม่น้ำเจ้าพระยาคดเคี้ยวไปมา บางแห่งมีสภาพเป็นเกาะเป็นโคก จึงเรียกกันว่า "บางเกาะ" หรือ "บางโคก" หรือไม่ก็เป็นเพราะบริเวณนี้มีต้นมะกอกอยู่มาก จึงเรียกว่า "บางมะกอก" โดยคำว่า "บางมะกอก" มาจากวัดอรุณ ซึ่งเป็นชื่อเดิมของวัดดังกล่าว และต่อมาต่อมากร่อนคำลงจึงเหลือแต่คำว่าบางกอก[8][9]
ต่อมาเมื่อถึงคราวเสียกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. 2310 หลังการกอบกู้อิสรภาพจากพม่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสถาปนาเมืองธนบุรีศรีมหาสมุทรให้เป็นราชธานีแห่งใหม่ คือ กรุงธนบุรี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2313[8] แต่กรุงธนบุรีมีสภาพเป็นเมืองอกแตก ตรงกลางมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหล ผ่าน เป็นเหตุให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ทองด้วง) มีความคิดจะย้ายเมืองไปทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้การป้องกันรักษาเมืองเป็นไปได้โดยง่าย[8]
เมื่อสิ้นรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี มีพระราชดำริว่า ฟากตะวันออกของกรุงธนบุรีมีชัยภูมิดีกว่าตะวันตก เพราะมีลำน้ำเป็นขอบเขตอยู่กว่าครึ่ง หากข้าศึกยกมาติดถึงชานพระนคร ก็จะต่อสู้ป้องกันได้ง่ายกว่าอยู่ข้างตะวันตก จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็น ราชธานีแห่งใหม่ โดยสืบทอดศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมจากพระราชวังหลวงของกรุงศรีอยุธยา[8]
พระองค์มีพระบรมราชโองการให้พระยาธรรมาธิกรณ์กับพระยาวิจิตรนาวี เป็นแม่กองคุมช่างและไพร่ไปวัดกะที่ดินเพื่อสร้างพระนครใหม่ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2325 ทรงประกอบพิธียกเสาหลักเมือง เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 6 ขึ้น 10 ค่ำ ย่ำรุ่งแล้ว 9 บาท (54 นาที) ปีขาล จ.ศ. 1144 จัตวาศก ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 เวลา 6.54 น.[8] และทรงประกอบพระราชพิธีปราบดาภิเษกในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2325[8]
ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนชื่อพระนครจาก บวรรัตนโกสินทร์ เป็น อมรรัตนโกสินทร์ และมีฐานะในการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็น "จังหวัดพระนคร"[ต้องการอ้างอิง]
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตัดถนนใหม่ขึ้น และเปลี่ยนรูปแบบผังเมืองกรุงเทพมหานครเฉกเช่นอารยประเทศ เนื่องจากในสมัยนั้นสยามประเทศถูกคุกคามจากมหาอำนาจยุโรป และตรงจุดนี้เป็นหนึ่งในข้ออ้างที่มหาอำนาจนำมาใช้เพื่อแทรกแซงและคุกคาม สยามประเทศ ภายหลัง ต่างชาติยุโรปเองได้ยอมรับกรุงเทพมหานครว่า เป็นหนึ่งในเมืองที่มีผังเมืองงดงามที่สุดในโลกในสมัยนั้น[10]
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2514 รัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจรได้รวม จังหวัดพระนคร และ จังหวัดธนบุรี เข้าด้วยกันเป็น นครหลวงกรุงเทพธนบุรี[11] และภายหลังการปรับปรุงการปกครองใหม่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2515 จึงได้เปลี่ยนเป็นชื่อเป็น กรุงเทพมหานคร แต่นิยมเรียกกันว่า กรุงเทพฯ[12]
ใน พ.ศ. 2552 กรุงเทพมหานครเป็นเมืองค่าครองชีพสูงสุดอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากสิงคโปร์[13]
ในปี พ.ศ.2554 กรุงเทพมหานครได้รับการประกาศจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ให้เป็นเมืองหนังสือโลก หรือ World Book Capital ประจำปีพ.ศ.2556[14] และมีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับที่ 66 ของโลก[15]
[แก้] การปกครอง
กรุงเทพมหานครมีลักษณะเป็นเขตการปกครองพิเศษตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 กำหนดให้กรุงเทพมหานครเป็นทบวงการเมือง มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นนครหลวง มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มาจากการเลือกตั้ง และเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารงาน อยู่ในตำแหน่งตามวาระคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง การดำเนินงานมีสภากรุงเทพมหานครที่ได้รับเลือกตั้งโดยตรงทำงานร่วมด้วยผู้ว่าราชการกรุงเทพคนปัจจุบัน คือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร และปลัดกรุงเทพมหานครคนปัจจุบันคือ นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์
[แก้] การปกครอง 50 เขต
50 เขตทั้งหมดในกรุงเทพมหานคร[แก้] เศรษฐกิจ
การท่องเที่ยวมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยซึ่งสร้างจีดีพีประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ กรุงเทพฯ เป็นประตูสู่สากลหลักของประเทศไทย ตลาดใหญ่นี้ทำให้กรุงเทพฯ เป็นทำเลหลักสำหรับการทำโรงแรมรวมทั้งกิจการที่พักขนาดเล็กและกลาง[แก้] ธนาคาร
เนื่องจากกรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางความเจริญก้าวหน้าด้านเศรษฐกิจของ ประเทศไทย จึงมีธนาคารหลายสาขาอยู่ทุกเขต และมีธนาคารอาคารสำนักงานใหญ่ดังนี้- ธนาคารแห่งประเทศไทย 273 ถนนสามเสน แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร 10200
- ธนาคารกรุงเทพ 333 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก 10500
- ธนาคารกรุงไทย 35 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา 10110
- ธนาคารกสิกรไทย 1 ซอยกสิกรไทย ถนนราษฎร์บูรณะ แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ10140
- ธนาคารทหารไทย 3000 ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร 10900
- ธนาคารไทยพาณิชย์ 9 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจตุจักร เขตจตุจักร 10900
- ธนาคารนครหลวงไทย 1101 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี 10400
- ธนาคารซิตี้แบงค์ อาคาร Interchange 21 399 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา 10110
- ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ไทย 90 อาคารสาทรธานี ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก 10500
- ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย 44 ถนนหลังสวน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน 10330
- ธนาคารยูโอบี 191 ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร 10120
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 1222 ถนนพระรามที่ 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา 10120
- ธนาคารออมสิน 470 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท 10400
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 63 ถนนพระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง 10310
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 469 ถนนนครสวรรค์ แขวงจิตรลดา เขตดุสิต 10300
- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 1193 อาคารเอ็กซิม ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท 10400
- ธนาคารธนชาต 900 อาคารต้นสนทาวเวอร์ ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน 10330
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 66 อาคารคิวเฮาส์ อโศก ชั้น 21,22 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา 10110
- ธนาคารทิสโก้ 48/2 ทิสโก้ทาวเวอร์ ชั้น 1 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก 10500
- ธนาคารเกียรตินาคิน 500 อาคารอัมรินทร์ทาวเวอร์ ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน 10331
- ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย 310 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท 10400
[แก้] สัญลักษณ์ประจำกรุงเทพมหานคร
- ตราของกรุงเทพมหานคร เป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ พระหัตถ์ทรงสายฟ้า ตรานี้กรมศิลปากรออกแบบโดยอาศัยภาพเขียนฝีพระหัตถ์ของสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เป็นต้นแบบ เริ่มใช้ในปี พ.ศ. 2516 ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายราชการ พ.ศ. 2482 ฉบับที่ 60 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 (สมัยเมื่อยังเป็นจังหวัดพระนครนั้นใช้ตราพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทเป็นตราประจำจังหวัด)
- ต้นไม้ประจำกรุงเทพมหานคร คือต้นไทรย้อยใบแหลม (Ficus benjamina)
- คำขวัญของกรุงเทพมหานคร ไม่มี[16] ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2554 กรุงเทพมหานครได้จัดโครงการประกวดคำขวัญกรุงเทพมหานครขึ้นเพื่อนำมาใช้เป็นคำขวัญประจำกรุงเทพมหานคร และจะประกาศผลการประกวดในวันที่ 2 กรกฎาคม[17]
[แก้] อาณาเขตติดต่อ
กรุงเทพมหานครมีอาณาเขตทางบกติดต่อกับจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดสมุทรปราการ ส่วนอาณาเขตทางทะเลอ่าวไทยตอนใน ติดต่อจังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดชลบุรี โดยมีรายละเอียดดังนี้- ทิศเหนือ มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดนนทบุรีและจังหวัดปทุมธานี
- ทิศตะวันออก มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดฉะเชิงเทรา
- ทิศใต้ มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดสมุทรปราการ และอ่าวไทย (ส่วนที่เป็นอ่าวไทยที่เป็นพื้นที่เดิมของจังหวัดธนบุรี ปัจจุบันคือเขตบางขุนเทียน ซึ่งมีอาณาเขตทางทะเลติดต่อทางอ่าวไทยกับจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ จุดที่อยู่ใต้สุดอยู่ที่ละติจูด 13 องศา 13 ลิปดา 00 ฟิลิปดาเหนือ, ลองจิจูด 100 องศา 27 ลิปดา 30 ฟิลิปดาตะวันออก ซึ่งเป็นการแบ่งตามพระราชบัญญัติกำหนดเขตจังหวัดในอ่าวไทยตอนใน พ.ศ. 2502)
- ทิศตะวันตก มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดนครปฐม
[แก้] ภูมิอากาศ
แผนภูมิแสดงลักษณะภูมิอากาศในรอบปี ของกรุงเทพมหานคร | |||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. |
9 32 21 | 30 33 23 | 29 34 25 | 65 35 26 | 220 34 26 | 149 33 25 | 154 33 25 | 197 33 25 | 344 32 25 | 242 32 24 | 48 32 23 | 10 31 21 |
อุณหภูมิ วัดเป็นองศาเซลเซียส • ปริมาณหยาดน้ำฟ้า วัดเป็นมิลลิเมตร ที่มา: อุณหภูมิและปริมาณฝนกรุงเทพมหานครค่าเฉลี่ย30ปี[18] | |||||||||||
อากาศของกรุงเทพมหานครได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (กลางเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม) และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (พฤศจิกายน-กลางเดือนกุมภาพันธ์) โดยมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะพัดเอาไอน้ำและความอุ่นชื้นจากมหาสมุทรอินเดียมาด้วย ทำให้มีฝนตกในช่วงบ่ายถึงค่ำอย่างสม่ำเสมอ และยังก่อให้เกิดร่องมรสุมพาดผ่านในเดือนพฤษภาคมกับเดือนกันยายน ซึ่งทำให้มีฝนตกหนักกว่าปกติ แต่ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ร่องมรสุมนี้จะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านทางเหนือ จนถึงมณฑลหยุนหนานของจีน ทำให้ฝนตกน้อยลง เดือนพฤศจิกายน เมื่อซีกโลกเหนือหันออกจากดวงอาทิตย์ หย่อมความกดอากาศสูงในเขตไซบีเรียจะแผ่ออกไปโดยรอบ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะพัดเอาความแห้งแล้งและหนาวเย็นมา ทำให้อากาศเย็นและแห้ง ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีเมฆและฝนตก อุณหภูมิต่ำสุดของกรุงเทพฯที่เคยบันทึกได้คือ 9.9 องศาเซลเซียสที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2498 [20] ครึ่งหลังของเดือนกุมภาพันธ์ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะอ่อนกำลังลง เป็นการเปลี่ยนเข้าสู่หน้าร้อน อากาศในตอนกลางวันจะร้อนขึ้นมาก ทำให้บนบกร้อนกว่าพื้นน้ำมาก ลมจากอ่าวไทยจะพัดเข้าสู่บกเป็นระยะ ๆ เรียกลมนี้ว่าลมตะเภา [21] ซึ่งจะนำฝนมาตกหลังจากอากาศร้อนหลาย ๆ วัน และในช่วงวันที่ 25-30 เมษายนของทุกปี ดวงอาทิตย์จะส่องตั้งฉากกับกรุงเทพมหานครพอดี เป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุด อุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึกได้คือ 40.8 องศาเซลเซียสที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 [22] กรุงเทพจะมีกลางวันยาวนานที่สุดราว ๆ วันที่ 23 มิถุนายน (12.55 ชั่วโมง) สั้นที่สุดราว ๆ 21 ธันวาคม (11.20 ชั่วโมง) และกลางวันเท่ากับกลางคืนประมาณเดือนมีนาคมกับกันยายน [23]
[ซ่อน]เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | ม.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ปี |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
อุณหภูมิสูงสุดโดยเฉลี่ย °C (°F) | 32.0 (90) | 32.7 (91) | 33.7 (93) | 34.9 (95) | 34.0 (93) | 33.1 (92) | 32.7 (91) | 32.5 (91) | 32.3 (90) | 32.0 (90) | 31.6 (89) | 31.3 (88) | 32.7 (91) |
อุณหภูมิต่ำสุดโดยเฉลี่ย °C (°F) | 21.0 (70) | 23.3 (74) | 24.9 (77) | 26.1 (79) | 25.6 (78) | 25.4 (78) | 25.0 (77) | 24.9 (77) | 24.6 (76) | 24.3 (76) | 23.1 (74) | 20.8 (69) | 24.1 (75) |
ปริมาณน้ำฝน มม. (นิ้ว) | 9.1 (0.358) | 29.9 (1.177) | 28.6 (1.126) | 64.7 (2.547) | 220.4 (8.677) | 149.3 (5.878) | 154.5 (6.083) | 196.7 (7.744) | 344.2 (13.551) | 241.6 (9.512) | 48.1 (1.894) | 9.7 (0.382) | 1,496.8 (58.929) |
เวลาที่มีแสงแดด (ชม.) | 272.8 | 251.4 | 269.7 | 258.0 | 217.0 | 177.0 | 170.5 | 161.2 | 156.0 | 198.4 | 234.0 | 263.5 | 2,629.5 |
วันฝนตกโดยเฉลี่ย | 1 | 3 | 3 | 6 | 16 | 16 | 18 | 20 | 21 | 17 | 6 | 1 | 128 |
แหล่ง #1: กรมอุตุนิยมวิทยา[25] 2010-04-19 | |||||||||||||
แหล่ง #2: หอสังเกตการณ์ฮ่องกง [24] 2010-04-19 |
[แก้] สถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อน
กรุงเทพมหานครเป็นจุดท่องเที่ยวจุดหนึ่ง โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ได้แก่ พระบรมมหาราชวัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) วัดอรุณราชวราราม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระที่นั่งอนันตสมาคม ตึกใบหยก 2 (ตึกระฟ้าสูงอันดับที่ 44 ของโลก[26]) นอกจากนี้แหล่งช้อปปิ้งต่าง ๆ ได้แก่ สยามพารากอน ตลาดนัดจตุจักร มาบุญครอง เซ็นทรัลเวิลด์ สยามสแควร์ ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ เยาวราช พระรามสาม ยูเนี่ยนมอล สยามดิสคัฟเวอร์รี่ และแหล่งร้านอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ ถนนข้าวสาร พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ นอกจากนี้ในกรุงเทพมหานครยังมีพื้นที่สีเขียวมากมาย สำหรับพักผ่อนหย่อนใจรวมทั้งใช้ออกกำลังกายและพบปะสังสรรค์ ซึ่งได้แก่ สวนหลวง ร.9 อุทยานเบญจสิริ สวนลุมพินี สวนจตุจักร เป็นต้นในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณถนนราชดำเนินและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจะ มีการจัดแต่งประดับไฟเพื่อเฉลิมฉลองอย่างสวยงาม นอกจากนี้ เนื่องจากกรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางทางความเจริญทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การค้า การลงทุน และการปกครองในทุก ๆ ด้านของประเทศ จึงส่งผลให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีตึกระฟ้ามากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลกอีกด้วย
จากเว็บไซต์ยูโรมอนิเตอร์ ใน พ.ศ. 2549 กรุงเทพฯ มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุดในโลกเป็นอันดับสองรองจากลอนดอน[27] และกรุงเทพมหานครได้รับเลือกให้เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในโลก ประจำปี พ.ศ. 2551, 2552 และ 2553 (3 ปีซ้อน) ซึ่งจัดอันดับโดยนิตยสารทราเวลแอนด์เลเชอร์[28]
[แก้] การคมนาคม
เดิมทีกรุงเทพมหานครใช้การสัญจรทางน้ำเป็นหลัก โดยมีคลองมากจนได้ฉายาว่า เวนิสตะวันออก แต่ปัจจุบันบางแห่งได้มีการถมคลองเพื่อที่อยู่อาศัย การคมนาคมจึงเน้นหนักไปทางบกแทนกรุงเทพมหานครได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่การจราจรติดขัดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ได้มีการแก้ไขปัญหาการจราจรมากมาย เช่น การสร้างทางด่วนหรือรถไฟฟ้า
การคมนาคมในกรุงเทพมหานครสามารถทำได้หลายทาง เช่น การนั่งรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) แท็กซี่ รถจักรยานยนต์รับจ้าง
รถโดยสารประจำทาง จะมีหลายสายเพื่อเป็นการบริการประชาชน ให้บริการในราคาย่อมเยา รถโดยสารร่วมบริการขนาดเล็ก (มินิบัส) ราคา 6.50 บาทตลอดสาย รถโดยสารธรรมดาของ ขสมก. ราคา 7 บาทตลอดสาย รถโดยสารธรรมดาร่วมบริการราคา 8 บาทตลอดสาย รถโดยสารปรับอากาศราคาเริ่มต้น 11 บาท และรถโดยสารปรับอากาศแบบยูโร 2 ราคาเริ่มต้น 12 บาท
นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา ได้มีการปรับอัตราค่าโดยสารแท็กซี่ขึ้น โดยอัตราค่าโดยสารที่ใช้กันอยู่ จะคิดรวมกันจาก 2 องค์ประกอบ คือ ค่าโดยสารตามระยะทาง (คิดเป็นจำนวนเต็มคี่ เศษปัดขึ้น) รวมกับค่าโดยสารตามเวลาที่รถจอด หรือเคลื่อนที่ได้ไม่เกิน 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (คิดเป็นจำนวนเต็มคู่ เศษปัดทิ้ง)
กิโลเมตรที่ | ค่าโดยสาร |
---|---|
0-1 | 35 บาท |
1-12 | 5 บาท/กิโลเมตร |
12-20 | 5.50 บาท/กิโลเมตร |
20-40 | 6 บาท/กิโลเมตร |
40-60 | 6.50 บาท/กิโลเมตร |
60-80 | 7.50 บาท/กิโลเมตร |
80 ขึ้นไป | 8.50 บาท/กิโลเมตร |
[แก้] ทางรถยนต์
กรุงเทพมหานครเป็นจุดเริ่มต้นของถนนหลักของประเทศไทย ได้แก่- ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 สายเหนือ)
- ถนนสุขุมวิท (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 สายตะวันออก)
- ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 สายใต้)
- ถนนพระรามที่ 2 (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35)
[แก้] ทางรถไฟ
การเดินทางด้วยรถไฟสามารถทำได้ โดยมีสถานีรถไฟต้นทางสามแห่งคือ- สถานีรถไฟกรุงเทพ (สถานีรถไฟหัวลำโพง) สำหรับเดินทางไปยังภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนล่าง
- สถานีรถไฟธนบุรี (สถานีรถไฟบางกอกน้อย) สำหรับเดินทางไปยังภาคใต้ตอนบนและภาคตะวันตก
- สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ สำหรับเดินทางเลียบปากอ่าวไทยไปยังปากน้ำท่าจีนและปากน้ำแม่กลอง
[แก้] ทางรถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา (BTS)
เมื่อปี พ.ศ. 2542 โครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS - ย่อมาจาก Bangkok Transit System) ได้เปิดใช้งาน ซึ่งเป็นรถไฟระบบรางคู่ที่สร้างบนทางยกระดับ เป็นรางมาตรฐาน 1.435 เมตร ทางรถไฟฟ้าที่ดำเนินการในปัจจุบันมีดังนี้- สายสุขุมวิท (สีเขียวอ่อน)
- สายสีลม (สีเขียวเข้ม)
[แก้] ทางรถไฟฟ้าใต้ดิน
รถไฟใต้ดินได้เปิดบริการเมื่อปีพ.ศ. 2547 ในชื่อโครงการรถไฟฟ้ามหานคร เป็นรางมาตรฐาน 1.435 เมตร ทางรถไฟฟ้าที่ดำเนินการในปัจจุบันมีดังนี้- สายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน)
[แก้] รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Link)
เป็นรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งเป็นรถไฟระบบรางคู่ที่สร้างบนทางยกระดับ เป็นรางมาตรฐาน 1.435 เมตร โดยวิ่งเป็น 2 ระบบ คือ- รถไฟฟ้าด่วนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วิ่งตรงระหว่างสถานีมักกะสันถึงสถานีสุวรรณภูมิ ภายในเวลา 15 นาที
- รถไฟฟ้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้บริการผู้โดยสาร วิ่งรับ-ส่งระหว่างทางเริ่มต้นที่สถานีพญาไท และจอดรายทาง 7 สถานี สู่ปลายทางที่สถานีสุวรรณภูมิ ภายในเวลา 30 นาที
[แก้] ทางรถโดยสารประจำทาง (ต่างจังหวัด)
รถโดยสารประจำทางหรือรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ สำหรับเดินทางไปจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยมีสถานีหลักอยู่ที่- สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) (หรือที่เรียกกันติดปากว่า หมอชิตใหม่ หรือ หมอชิต 2) สำหรับเดินทางขึ้นเหนือ ไปภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง (รวมทั้งภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคใต้ในบางเส้นทาง)
- สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (เอกมัย) สำหรับเดินทางไปภาคตะวันออก
- สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (ถนนบรมราชชนนี) สำหรับเดินทางลงใต้ ไปภาคใต้[29] และภาคตะวันตก[30]
[แก้] ทางรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ
รถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ คือระบบขนส่งมวลชนใหม่ของกรุงเทพมหานคร มีลักษณะคล้ายกับรถประจำทาง แต่การเดินของรถนั้นแยกออกจากถนนปกติ ปัจจุบันเปิดให้บริการในเส้นทางช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ ระยะทาง 15.9 กิโลเมตร[แก้] ทางรถปรับอากาศพิเศษ
รถ ปรับอากาศพิเศษ หรือ METROBUSเป็นรถของบริษัท พรีเมียร์ เมโทรบัส จำกัด[31]บริการเดินรถในกรุงเทพมหานคร[แก้] ทางรถรางรอบเกาะรัตนโกสินทร์
รถรางรอบเกาะรัตนโกสินทร์คิดค่าบริการ 30 บาท ดำเนินการขนส่งภายในเขตพระนครลักษณะรถทัวร์ชมเมืองวิ่งบนถนน ไม่ใช่รถรางไฟฟ้า[32][33][แก้] ทางอากาศ
การเดินทางทางอากาศ ในอดีตใช้ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งได้เปิดใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2457 ต่อมาได้มีการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อยู่ในพื้นที่ของจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งได้เปิดใช้มาตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 เวลา 03.00 น.ในปัจจุบัน ท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นท่าอากาศยานสำหรับรองรับเที่ยวบินภายในประเทศ และมีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสำหรับเที่ยวบินต่างประเทศและเที่ยวบินในประเทศ บางส่วน โดยภายในปี พ.ศ.2558 ทุกเที่ยวบินจะต้องทำการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิเพียงสนามบินเดียว[34]ตามนโยบายของรัฐบาล
[แก้] ทางน้ำ
เรือโดยสารทั้งทางแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองมีดังนี้- เรือโดยสารคลองแสนแสบ
- เรือหางยาวโดยสารคลองพระโขนง (พระโขนง - ตลาดเอื่ยมสมบัติ)
- เรือด่วนเจ้าพระยา: เรือด่วนประจำทางและเรือด่วนพิเศษ (ธงส้ม ธงเหลือง ธงฟ้า และธงเขียว-เหลือง)
- เรือหางยาวด่วนคลองบางกอกน้อย
- เรือด่วนสาทร-คลองเตย
[แก้] ปัญหาในปัจจุบัน
[แก้] การจราจรติดขัด
ปัญหาการจราจรติดตัดในกรุงเทพมหานคร นอกจากจะมาจากจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นทุกปีแล้ว ปัจจัยเร่งให้กรุงเทพมหานครมีปัญหาการจราจรมากขึ้นเนื่องจากเป็นเมืองที่มี ผู้คนจากต่างจังหวัดเข้ามาอาศัยเป็นจำนวนมาก[35] ทุกครั้งเมื่อถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์มักพบว่ามีผู้เดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมากซึ่งปัญหานี้ไม่ได้แตกต่างจากกรุงปักกิ่งเท่าใดนัก[36][37] ปัญหาการจราจรติดขัดยังนำไปสู่ปัญหามลพิษทางอากาศและมลภาวะทางเสียง[38] ในปี พ.ศ.2551 มีถนนที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกิน 10 ไมโครเมตร (ค่ามาตรฐาน) จำนวน 10 สายในกรุงเทพมหานคร และมี 2 สาย ที่มีระดับเสียงเกินมาตรฐานทุกวัน กล่าวคือเกิน 70 เดซิเบล และมีถนนที่มีการจราจรหนาแน่นเกินมาตราฐาน 3 สาย อีกทั้งวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศได้เป็นปัจจัยเร่งให้ปัญหานี้เพิ่มมากขึ้น[39][แก้] ทัศนียภาพ
ปัญหาทัศนียภาพเป็นปัญหาหนึ่งในกรุงเทพมหานครที่แตกต่างจากเมืองอื่น เนื่องจากในกรุงเทพมหานครมีป้ายผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก ประภากร วทานยกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทสถาปนิก 49 จำกัดอดีตนายกสมาคมสถาปนิกสยามกล่าวว่า ผลกระเทือนจากป้ายผิดกฏหมายทั้งหลายนี้ มีตั้งแต่ระดับเบา จนถึงรุนแรง เช่น บดบังความงามทางทัศนียภาพ ไปจนถึงถูกลมพัดพังถล่มทับบ้านเรือนประชาชน ในกรณีนี้มีให้เห็นกันเป็นประจำ โดยที่ยังไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาแก้ไขปรับปรุงปัญหาดังกล่าวได้[40][แก้] อาชญากรรม
ปัญหาอาชญากรรมในกรุงเทพมหานครยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยในรายงานของสำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ได้ทำการรวบรวมวิจัยปัญหานี้ตลอดปี พ.ศ. 2550 พบว่าเหยื่ออาชญากรรมที่เป็นสมาชิกครัวเรือนมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 52,410 รายนั้น ส่วนใหญ่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมต่อทรัพย์สิน ร้อยละ 96.1 เหยื่ออาชญากรรมมีอายุระหว่าง 45 - 59 ปี มากที่สุดคือ ร้อยละ 33.2 เหยื่ออาชญากรรมเป็นเพศชาย ร้อยละ 46.4 และหญิง ร้อยละ 53.6 มีสัญชาติไทย ร้อยละ 99.6 เชื้อชาติไทย ร้อยละ 99.0 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 94.1 มีการศึกษาสูงสุดในระดับประถมศึกษาเป็นจำนวนมากที่สุดคือร้อยละ 31.2 เหยื่ออาชญากรรมในกรุงเทพมหานคร รายงานว่าอาชญากรรมที่ประสบในภาพรวมเกิดเหตุในช่วงเวลา 24.01–03.00 น. มากที่สุดถึงร้อยละ 21.1 สถานที่เกิดเหตุอาชญากรรมทั้งหมดในกรุงเทพมหานครพบว่า ส่วนใหญ่เหยื่อระบุว่า เกิดเหตุขึ้นบริเวณบ้านที่พักอาศัยของเหยื่ออาชญากรรมคิดเป็นร้อยละ 74.8[41][แก้] มหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางการศึกษาของประเทศ มีสถาบันอุดมศึกษาตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก ได้แก่มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยทักษิณ เป็นต้น
ส่วนข้อมูลโรงเรียนโปรดดูที่ รายชื่อโรงเรียนในกรุงเทพมหานคร
[แก้] สถานศึกษาธรรมะ
[แก้] การดูแลสุขภาพและศูนย์การแพทย์
กรุงเทพฯ มีโรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์มากมาย ซึ่งรวมโรงเรียนแพทย์ 8 แห่งจาก 15 แห่งของประเทศ โรงพยาบาลหลายแห่งในกรุงเทพฯ เป็นศูนย์ดูแลลำดับที่สาม ซึ่งรับการอ้างอิงจากส่วนไกลของประเทศ โดยเฉพาะในภาคเอกชน มีการเติบโตมากในการท่องเที่ยวทางการแพทย์ โรงพยาบาลหลายแห่งให้บริการในการดูแลชาวต่างประเทศโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์เป็นโรงพยาบาลระดับนานาชาติหลักบนถนนสุขุมวิท และเป็นที่นิยมต่อชาวต่างด้าว ชาวไทยผู้มีฐานะและนักท่องเที่ยวทางการแพทย์ โรงพยาบาลที่ใกล้เคียงคือโรงพยาบาลสมิติเวชและศูนย์การแพทย์โรงพยาบาล กรุงเทพ ทั้ง 3 แห่งได้การรับรองจากคณะกรรมการร่วมระหว่างประเทศ
[แก้] เมืองพี่น้อง
กรุงเทพมหานครได้สถาปนาความสัมพันธ์ เมืองพี่น้อง กับหลายเมืองในหลายประเทศ[42] ได้แก่
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น